วัฎจักรของหลายๆ อย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตก็คงคล้ายๆ กับสิ่งที่เรียกกันว่าเป็นฤดูที่แตกต่างซึ่งจะหมุนเวียนกันมาอย่างสม่ำเสมอ สภาพอากาศของบ้านเราอาจไม่เห็นความแตกต่างของฤดูกาลมากนัก แต่เราก็มีฤดูกาลของผลไม้นานาชนิดที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมา
ในครอบครัวที่มีเด็กก็จะมีฤดูกาลของการเปิดเทอม-ปิดเทอม ช่วงปิดเทอมเป็นช่วงเวลาที่เรียกได้ว่าเป็นช่วง งานเข้า ของคุณพ่อคุณแม่เลยใช่ไหมคะ สารพัดสารเพที่จะต้องคิด จะต้องเตรียม จะต้องทำ แถมด้วยความกังวลใจกับสิ่งที่มักจะมากับฤดูกาลนี้....ภัยปิดเทอม เราจะเตรียมรับมือกันยังไงดีคะ
ไอซีทีกับปัญหาวิกฤติของสังคม
ภัยปิดเทอมมีทั้งที่เป็นอุบัติภัย อันดับแรกคือการจมน้ำ รองลงมาก็เป็นอุบัติเหตุการจราจร และอุบัติเหตุการเล่นในสนามเด็กเล่น แต่ภัยปิดเทอมที่น่ากลัวกว่าและมาแรงมากคือ ภัยสังคมที่มาทางอินเตอร์เน็ท ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเด็กติดเกม ติดแชต การใช้ออนไลน์ในทางที่ผิด หรือถูกล่อลวงทำให้หายออกจากบ้าน จากสถิติของศูนย์ข้อมูลคนหาย พบว่าช่วงปิดเทอมเป็นช่วงที่มีเด็กหายตัวออกจากบ้านมากที่สุด สาเหตุการการหายตัวก็มีต่างๆ นานา ไม่ว่าจะถูกลักพาตัว ถูกล่อลวง และการหนีออกจากบ้านด้วยความสมัครใจ ในปัจจุบันมีแนวโน้มว่าเด็กจะหายเพิ่มมากขึ้น โดยมีเทคโนโลยีสารเทศและการสื่อสาร (ไอซีที)ที่แสนจะล้ำหน้า หรือเจาะกันให้ชัดๆก็ “โลกออนไลน์”
นี่แหละเป็นตัวการ หรือตัวกลางที่สำคัญ
โลกออนไลน์ที่อยู่หลังจอสี่เหลี่ยมเป็นโลกเสมือนจริงมีชื่อเรียกเท่ห์ๆว่า “ไซเบอร์สเปซ” เป็นโลกสมมุติที่ทำให้คนที่เข้าไปรู้สึกว่ามันเป็นโลกที่สวยงาม สนุกสนาน ท้าทาย และมีกิจกรรมให้ทำมากมาย รวมทั้งผู้เล่นสามารถสร้างตัวตนใหม่ในไซเบอร์สเปซ ที่สามารถโลดแล่นเหมือนมีชีวิตจริง และเรียกตัวตนใหม่นี้ว่า อวาตาร์ ตัวตนที่มีรูปร่างหน้าตา มีจินตนาการที่ตรงใจกับผู้เป็นเจ้าของร่าง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ยากที่จะเกิดขึ้นได้ในโลกแห่งการเป็นจริง เมื่อเด็กหมกมุ่นติดอยู่ในโลกออนไลน์นานๆ ก็จะเผลอคิดไปว่านั่นคือชีวิตจริงของตน ไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบตัว จึงไม่แปลกที่เด็กจะรู้สึกผูกพันกับคนแปลกหน้าที่ตนได้พูดคุยกันในโลกออนไลน์มากกว่าคนในครอบครัว
กันไว้ดีกว่าแก้ เดี๋ยวแย่แล้วแก้ไม่ทัน
ภัย มักมาในหลายรูปแบบ มีการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาในอัตราเร่งที่คงใกล้เคียงกับการพัฒนาของระบบไอซีที เรียกว่า จับไม่ได้ ไล่ไม่ทัน กันเลยทีเดียว การเฝ้าระวังภัยให้ลูกรักก็เลยเป็นเรื่องยากแสนยากในยุคสมัยนี้ ดังนั้นแทนที่จะมาประสาทเสีย ระแวงระวังภัยจนชีวิตขาดความสุข เราน่าจะมาช่วยกันเตรียมลูกให้พร้อมที่จะใช้ชีวิตอยู่ในโลกยุคปัจจุบัน สร้างความมั่นคงทางจิตใจ สอนให้มีไหวพริบที่ดี เฉลียวฉลาด และทันโลก เตรียมให้ลูกพร้อม.......
พร้อมที่จะเผชิญกับทุกสถานการณ์
พร้อมที่จะแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
พร้อมที่จะก้าวสู่โลกกว้างและดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดี
สิ่งต่างๆเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้คงไม่สามารถจะสอนกันได้ในชั่วข้ามคืน แต่สิ่งเหล่านี้จะสอดแทรกอยู่ในทุกทุกก้าวย่างของการเลี้ยงดูลูกน้อยของเรา ให้เติบโตไปพร้อมๆกันทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ และสติปัญญา แต่ไม่ว่าเราจะเตรียมลูกให้พร้อมอย่างไรก็ยังคงต้องไม่ประมาท เพราะความประมาทคือ ช่องทางที่ภัยต่างๆชอบใช้เป็นเส้นทางที่จะสอดแทรกเข้ามา หรือพุ่งเข้าหาเหยื่อ และส่วนใหญ่ก็จะประสบความสำเร็จหากเข้ามาทางช่องทางนี้
เลี้ยงดูอย่างไรลูกจึงจะมีภูมิคุ้มกัน
การใช้ชีวิตอย่างมีวินัย
สิ่งที่สำคัญมากสำหรับการเลี้ยงดูลูก อย่างแรกคือต้องสอนให้ลูกมีวินัย การใช้ชีวิตอย่างมีวินัยจะนำไปสู่การเรียนรู้เรื่องอื่นๆ อีกมากมายที่คุณพ่อคุณแม่จะสอนให้แก่ลูก เพื่อที่ลูกจะได้เติบโตมาเป็นคนที่ดี คนที่ฉลาดคิด คนที่ฉลาดใช้ คนที่ฉลาดทำ
แต่ก่อนที่จะพร่ำสอนอะไรกันมากมาย เราจะต้องสร้างรากฐานของครอบครัวที่เข้มแข็งเสียก่อน นั่นก็คือการสร้างความรัก ความอบอุ่น ความเข้าใจกันในครอบครัว เป็นการถักทอสายใยแห่งความเอื้ออาทร ความห่วงใย และความใส่ใจ ระหว่างสมาชิกในครอบครัวให้แน่นหนา และสวยงาม พื้นฐานทางจิตใจที่ดีจะทำให้ลูกเป็นคนใจกว้าง มองโลกในแง่ดี (อย่างฉลาดนะคะ) และมองโลกตามความเป็นจริง เราจะสร้างสิ่งเหล่านี้ได้ คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องมีเวลาให้ลูก ให้โอกาสที่จะได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างสม่ำเสมอ มีกิจกรรมของครอบครัวเป็นประจำ อย่างเช่นการช่วยกันดูแลบ้านทุกเช้าวันเสาร์ พอวันอาทิตย์ก็จะเป็นวันพักผ่อนร่วมกันของคนในครอบครัว อาจจะเอกเขนกกันอยู่ที่บ้าน ช่วยกันปรุงอาหารมื้อพิเศษสำหรับวันหยุด หรือบางสัปดาห์ก็ออกไปเที่ยว ออกไปเล่นกีฬา ไปพบปะญาติพี่น้อง หรือออกไปรับประทานอาหารนอกบ้านกันเป็นครั้งคราว
เมื่อลูกมีพื้นฐานทางจิตใจที่ดีและมั่นคง การสอนให้ลูกคิดเป็น รู้ว่าอะไรดี อะไรควร อะไรเหมาะสม รู้หน้าที่ และมีความรับผิดชอบ ก็คงไม่ใช่เรื่องยาก การเติบโตมาในบรรยากาศอย่างนี้ลูกก็จะเรียนรู้ถึงคำว่า พอเหมาะ พอดี และพอเพียง ได้โดยไม่ต้องสอน สิ่งเหล่านี้จะนำพามาซึ่งความรู้สึกภูมิใจในความเป็นตัวเอง ภูมิใจในครอบครัวที่อบอุ่น ภูมิใจที่ได้ปฏิบัติดี มีน้ำใจ
“ความภูมิใจในสิ่งที่มี สิ่งที่เป็น คือวัคซีนที่สร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกได้เป็นอย่างดี”
สร้างครอบครัวเข้มแข็ง สานเครือข่ายครอบครัว
นอกจากการสร้างครอบครัวของตนให้เข้มแข็งแล้ว การที่จะอยู่ในสังคมทุกวันนี้ให้สบายใจมากขึ้นอีก เราต้องช่วยกันสร้างเครือข่ายครอบครัว สร้างสายใยผูกพันระหว่างครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวของญาติพี่น้อง ครอบครัวของเพื่อน ทั้งเพื่อนพ่อ เพื่อนแม่ รวมถึงครอบครัวของเพื่อนของลูก การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับครอบครัวของเพื่อนบ้าน ก็เป็นการช่วยขยายวงกว้างของภูมิคุ้มกันให้แผ่ขยายวงให้กว้างยิ่งขึ้น และผลพลอยได้ที่ตามมาคือเราได้ช่วยกันสร้างสังคมดีๆ ถ้าพวกเราตั้งหน้าตั้งตาช่วยกันสร้างสังคมดีๆให้แผ่ขยายมากขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆ ก็หวังว่าสิ่งไม่ดีไม่ดีต่างๆก็จะถูกเบียดบังไล่ให้ล่าถอยไปเรื่อยๆ จนตกขอบโลกกันไปเลย
ช่วงปิดเทอมให้ลูกทำอะไรดี
ถ้าถามว่าอาชีพหลักของลูกคืออะไร คำตอบคงจะเหมือนๆกันคือ เรียนกับเล่น ในช่วงปิดเทอมก็เป็นเหมือนช่วงหยุดพักร้อนของลูก กิจกรรมหลักของลูกคงหนีไม่พ้นการเล่น แม้ว่าบางครอบครัวอาจมอบหมายหน้าที่ในบ้านบางอย่างให้ลูกช่วยดูแล นั่นก็คงเป็นเพียงแค่กิจกรรมเสริมในช่วงสั้นๆ แล้วในยุคสมัยที่เทคโนโลยีหรือไอซีทีเฟื่องฟูขนาดนี้จะเป็นไปได้อย่างไรที่ลูกจะไม่ใช้เวลาเข้าไปเล่นสนุกสนานอยู่ในโลกออนไลน์ สิ่งที่สำคัญสำหรับคุณพ่อคุณแม่คือ จะทำอย่างไรให้การเล่นเกมเป็นเพียงการเล่นเพื่อความสนุกสนาน พักผ่อนจิตใจ ทำอย่างไรลูกจึงจะใช้เวลาอย่างสมดุลระหว่างการใช้ชีวิตในโลกเสมือนจริงและในโลกแห่งความเป็นจริง
การยึดหลักทางสายกลางน่าจะเป็นคำตอบที่ดีสำหรับคุณพ่อคุณแม่ การสร้างความพอดีระหว่างโลกจริงและโลกเสมือนจริง โดยการเปิดเวทีให้เด็กได้สนุกสนาน บนโลกจริงบ้าง ไม่ว่าจะเป็นดนตรี การแสดง กีฬา หรือกิจกรรมนันทนาการต่างๆ รวมถึงกิจกรรมทางสังคมของครอบครัว แต่อย่าเผลอไผลไปยัดเยียดให้ลูกเรียนนั่นเรียนนี่ตลอดช่วงปิดเทอมนะคะ เพราะนั่นจะเป็นการสร้างความกดดัน และเพิ่มแรงผลักดันให้ลูกต้องการหนีเข้าไปอยู่ในโลกเสมือนจริงมากยิ่งขึ้นอีก เคยอ่านบทความของ อาจารย์ ยืน ภู่วรวรรณ ท่านตั้งคำถามสำหรับคุณพ่อคุณแม่ได้โดนใจมาก ท่านถามว่า คุณพ่อคุณแม่ส่วนมากต้องการ ถมเนินหรือถมบ่อ ก็อยากให้คุณพ่อคุณแม่ลองถามตัวเองดูนะคะ ธรรมชาติของมนุษย์ย่อมมีความชอบความถนัดที่ต่างกัน การได้ทำอะไรที่ชอบก็ย่อมประสบความสำเร็จได้ดีกว่า ในทางกลับกันการพยายามที่จะเติมเต็มในสิ่งที่ด้อยหรือขัดกับความชอบ ก็จะประสบความสำเร็จได้ยากกว่าและเป็นการสร้างความกดดันเพิ่มขึ้น
เรียนรู้โลก เรียนรู้ชีวิต
ความตระหนักรู้ถึงการรักษาตัวเองให้อยู่รอดปลอดภัยเป็นทักษะชีวิตที่เด็กๆสามารถเรียนรู้ได้ และเด็กๆก็ควรจะได้เรียนรู้ที่จะอยู่ได้อย่างปลอดภัยด้วยตัวของตัวเอง เพราะวันหนึ่งลูกๆของเราก็จะต้องเติบโตและออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองในโลกว้าง ของขวัญที่ล้ำค่าที่สุดที่คุณพ่อคุณแม่จะให้กับลูกได้ ก็คือการให้ความรู้ และทักษะที่จะทำให้ลูกมีความมั่นใจว่าลูกจะสามารถดำเนินชีวิตของตนได้เป็นอย่างดีและปลอดภัยบนโลกใบนี้
อย่าโอบอุ้มปกป้องลูกจนเหมือนเลี้ยงลูกอยู่ในดักแด้ ณ วันหนึ่งที่ลูกโตเกินกว่าที่เปลือกดักแด้นั้นจะห่อหุ้มลูกไว้ได้แล้ว วันนั้นอาจจะสายเกินกว่าที่ลูกจะเริ่มเรียนรู้การใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ได้ด้วยตัวเองอย่างปลอดภัย