อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าฟันก็คือ โรคที่เกี่ยวข้องกับเหงือก หรือ เนื้อเยื่อปริทันต์ ซึ่งสามารถแบ่งตามความรุนแรงของโรคได้เป็น โรคเหงือกอักเสบ และโรคปริทันต์อักเสบ (บางคนรู้จักในชื่อรำมะนาด) โดยโรคเหงือกอักเสบนั้นเกิดจากเนื้อเยื่อเหงือกรอบๆ ฟันมีการอักเสบ บวม แดง อาจมีเลือดออกได้ แต่โรคปริทันต์อักเสบนั้นเป็นอาการที่รุนแรงกว่าเหงือกอักเสบ คือนอกจากมีการอักเสบของเหงือกแล้ว ยังมีการทำลายกระดูกรอบรากฟันร่วมด้วยครับ
สำหรับสาเหตุหลักๆ ของโรคปริทันต์อักเสบนั้นเกิดจากแบคทีเรียที่อยู่บนผิวฟันครับ ซึ่งเริ่มแรกจะมีลักษณะนิ่มแต่หากแปรงฟันไม่สะอาดก็จะมีแร่ธาตุต่างๆในน้ำลายมาตกตะกอนจับตัวแข็งขึ้นเป็นหินปูนโดยในระยะแรกจะเกาะอยู่เหนือขอบเหงือก ทำให้มีการอักเสบของเหงือก เป็นสาเหตุให้เกิดโรคเหงือกอักเสบ และเมื่อหินปูนเกาะมากขึ้นเรื่อยๆ จะเริ่มเกาะเข้าไปตามซอกระหว่างฟันกับเหงือกลึกลงไปเรื่อยๆ เป็นสาเหตุให้เกิดการอักเสบ และเกิดการทำลายกระดูกรอบรากฟันร่วมด้วยทำให้เกิดโรคปริทันต์อักเสบ
มีหลายๆการศึกษาที่พบว่าการเป็นโรคเหงือกอักเสบ หรือ โรคปริทันต์อักเสบ ส่งผลอย่างมากต่อการตั้งครรภ์ เช่น การศึกษาของ Jeffcoat และคณะ ในปี2001 พบว่า หญิงตั้งครรภ์ ที่เป็นโรคปริทันต์อักเสบ มีโอกาสคลอดก่อนกำหนดมากกว่าหญิงตั้งครรภ์ที่มีเหงือกสุขภาพดี 4-7เท่า ขึ้นกับระดับความรุนแรงของการอักเสบ ซึ่งสาเหตุเกิดจากการที่เป็นโรคปริทันต์อักเสบจะทำให้ร่างกายหลั่งสารบางตัวเข้าไปในกระแสเลือด ซึ่งสารเหล่านั้นจะมีผลทำให้เกิดการบีบตัวของช่องคลอด, อีกการศึกษาหนึ่งได้แก่การศึกษาของ Offenbacher และ คณะ ในปี 1996 ศึกษา พบว่า มารดาที่คลอดก่อนกำหนด หรือมารดาที่คลอด ทารกน้ำหนักแรกคลอดน้อย จะเป็นโรคปริทันต์อักเสบมากกว่ามารดาที่คลอดทารกปกติมากถึง 7.9 เท่า นอกจากนี้ยังมีการศึกษาของมหาวิทยาลัย Case Western University สหรัฐอเมริกา รายงานว่าได้พบเชื้อแบคทีเรียชื่อ Fusobacteriam nucleatum ซึ่งอยู่ในช่องปาก สามารถเข้าไปตามหลอดเลือดและเข้าสู่รกของหนูทดลองได้ และยิ่งกว่านั้นคือพบผู้หญิงตั้งครรภ์วัย 35 ปี ที่เป็นโรคเหงือกอักเสบอย่างรุนแรงและมีเลือดออกตามเหงือก สูญเสียทารกในระหว่างการตั้งครรภ์ เมื่อตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตของเด็กปรากฏว่า พบแบคทีเรียในกระเพาะและปอดของเด็ก ซึ่งเป็นแบคทีเรียชนิดเดียวกับที่อยู่ในช่องปากของแม่ นอกจากนี้ยังมีการศึกษาอีกมากมายที่เกี่ยวข้องกับโรคปริทันต์อักเสบ ในหญิงตั้งครรภ์
นอกจากการอักเสบของเหงือกที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียแล้ว ยังพบการบวมของเหงือกที่มีลักษณะเป็นก้อนระหว่างฟัน อาจเกิดบางจุดหรือเกิดทั่วทั้งปากก็ได้ ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในระหว่างตั้งครรภ์ที่เรียกว่า pyogenic granuloma (pregnancy tumor) โอ้ tumor คุ้นๆ ฟังดูเหมือนเนื้องอก จริงๆแล้วก็คือเนื้องอกนั่นแหละ แต่เกิดขึ้นได้เป็นปกติในหญิงตั้งครรภ์ ไม่ได้ร้ายแรงอะไร เว้นแต่จะทำให้รำคาญ หรือมีเลือดออกเวลามีสิ่งของไปโดน และทำให้ทำความสะอาดยากมากขึ้น และจะมีขนาดค่อยๆเล็กลงและหายไปหลังคลอด แต่ในบางคนอาจเล็กลง แต่ไม่หายไป ก็อาจไปตัดออกก็เป็นปกติครับ
อ่านแล้วเริ่มรู้สึกถึงความสำคัญของสุขภาพช่องปากหรือยังครับ จริงๆ แล้วการดูแลสุขภาพช่องปากไม่ได้ยุ่งยากอะไรเลยครับ แค่ใช้เวลาวันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 5-10 นาทีเท่านั้นเองและอย่าลืมขอเวลาอีกสักเล็กน้อยมาตรวจทุกๆ 6 เดือน เท่านี้คุณแม่ทุกท่านก็สามารถดูแลสุขภาพช่องปากและลูกน้อยในครรภ์ได้แล้วนะครับ