ใกล้เปิดเทอมแล้วนะคะ คุณพ่อและคุณแม่หลายๆ ท่านคงกำลังยุ่งอยู่กับการหาโรงเรียนอนุบาลให้กับเจ้าตัวเล็กกันอยู่ เพราะช่วงเวลานี้ถือเป็นก้าวแรกที่เด็กๆ จะได้ออกจากบ้านไปสัมผัสประสบการณ์และการเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัว เพื่อก่อให้เกิดการพัฒนาทั้งทางด้านอารมณ์ สังคม และสติปัญญา ดังนั้นการเลือกโรงเรียนอนุบาลให้เจ้าตัวเล็ก จึงเป็นสิ่งสำคัญที่คุณพ่อและคุณแม่ไม่ควรมองข้ามค่ะ
ดังที่กล่าวไว้ในตอนต้นแล้วนะคะว่าก้าวแรกของลูกรักสู่โรงเรียนอนุบาลนั้นเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเจ้าตัวเล็กของเราจะได้รับการพัฒนาในทางที่ดีหรือไม่ ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่ที่การตัดสินใจเลือกโรงเรียนโดยคุณพ่อและคุณแม่นี่แหละค่ะ วันนี้ M&B จึงมีคำแนะนำจากคุณครูผู้เชี่ยวชาญที่จะมาเปิดเผยถึงเทคนิคในการเลือกโรงเรียนอนุบาล รวมไปถึงให้ความรู้เกี่ยวกับการเรียนการสอนของโรงเรียนอนุบาลประเภทต่างๆ อีกด้วยค่ะ
การเรียนการสอนของโรงเรียนอนุบาลประเภทต่างๆ จะเป็นอย่างไร คุณครูแมว ดร.นฤมล เนียมหอม ผู้เชี่ยวชาญทางการศึกษาปฐมวัยจะเป็นผู้ให้ความกระจ่างแก่เราค่ะ
“ตอนนี้โรงเรียนอนุบาลในประเทศไทยมีหลายระบบค่ะ ซึ่งแต่ละระบบก็จะมีแนวการสอนที่แตกต่างกันออกไป สำหรับการเลือกโรงเรียนอนุบาลนั้นคุณพ่อและคุณแม่ควรพิจารณาว่า เหมาะสมกับพัฒนาการของลูกรักของเราหรือเปล่า ลองคิดดูว่าลูกของเราจะสามารถดำเนินชีวิตอยู่กับโรงเรียนในระบบที่เราเลือกให้ได้หรือไม่ เพราะเด็กแต่ละคนจะมีพื้นฐานของครอบครัวที่แตกต่าง ดังนั้นคุณพ่อและคุณแม่ควรจะตรวจสอบความเชื่อของตนก่อนว่าต้องการให้ลูกเรียนในโรงเรียนอนุบาลแบบไหนและเพราะอะไร จะได้เลือกโรงเรียนอนุบาลได้ถูกใจทั้งต่อตนเองและลูกน้อยของเราค่ะ”
โรงเรียนอนุบาลแนวเร่งเรียน เขียน อ่าน
“แม้ว่าจะไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับของนักการศึกษาปฐมวัย แต่ในประเทศไทยโรงเรียนแนวนี้ก็มีมากมายที่จะเลือกให้ลูกได้เข้าศึกษา โรงเรียนอนุบาลแนวเร่งเรียน เขียน อ่านมักจะการันตีว่าหากเรียนแล้วจะสามารถสอบเข้าระดับประถมศึกษาในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงต่างๆ ได้ โดยจะเน้นด้านวิชาการให้เด็กได้สามารถอ่านหรือเขียนได้อย่างคล่องแคล่ว รวมไปถึงการบวกเลขและนับเลขอีกด้วย ซึ่งผู้ปกครองที่อยากเร่งให้ลูกเก่งและมีการพัฒนาการทางด้านการเรียนมักจะเลือกโรงเรียนแนวนี้ให้กับลูกของตน”
โรงเรียนอนุบาลแนวเตรียมความพร้อม
“โรงเรียนอนุบาลแนวเตรียมความพร้อม ก็คือการเรียนเพื่อเตรียมความพร้อมในด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา เด็กๆ ในช่วงปฐมวัยนั้นจะเป็นวัยที่เหมาะสมกับโรงเรียนเตรียมความพร้อมมากกว่า การจัดกิจกรรมภายในของโรงเรียนแนวนี้จะเน้นให้เด็กได้เรียนรู้ผ่านการลงมือทำสิ่งต่างๆ อย่างหลากหลาย ทั้งการเล่น ทดลอง บทบาทสมมติ เป็นต้น แต่จะไม่เน้นให้เด็กเร่งอ่านหรือเขียน ทุกอย่างจะเป็นไปตามพัฒนาการและตามวัยของเด็ก โดยมีคุณครูเป็นผู้ช่วยเสริมและกระตุ้นให้เด็กมีพัฒนาการที่ดี เด็กๆ จะมีโอกาสเรียนภาษา คณิตฯ วิทย์ ศิลปะ หรืออื่นๆ อย่างเหมาะสมกับวัยค่ะ”
โรงเรียนอนุบาลแนวสองภาษาหรือไบลิงกัว
“โรงเรียนสองภาษาเหมาะกับเด็กที่จำเป็นต้องใช้สองภาษา เช่นเด็กที่มีคุณพ่อหรือคุณแม่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นชาวต่างชาติ ซึ่งโรงเรียนแนวสองภาษาจะมีทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาจีน เป็นต้น โดยเราต้องพิจารณาก่อนว่าลูกของเราอยู่ในข่ายที่ต้องเรียนแนวสองภาษาหรือไม่ หรือมีความต้องการให้ลูกมีความสามารถทางด้านภาษามากน้อยเพียงใด ซึ่งหากมีการส่งลูกเข้าเรียนในโรงเรียนสองภาษาโดยครอบครัวนั้นมีคุณพ่อและคุณแม่ที่เป็นคนไทยจะต้องมีการเสริมทางด้านภาษาให้ที่บ้านด้วย เพราะบางครั้งเด็กอาจจะยังไม่เข้าใจเรื่องของภาษา อาจทำให้เกิดการสับสนได้ การเรียนการสอนของโรงเรียนประเภทนี้ โดยส่วนมากมักจะมีการให้เจ้าของภาษามาสอนด้วยตนเองโดยมีคุณครูไทยช่วยดูแลค่ะ”
โรงเรียนอนุบาลนานาชาติ
“โรงเรียนอนุบาลนานาชาติโดยส่วนมากจะมีเงื่อนไขเฉพาะของแต่ละโรงเรียนค่ะ เช่นโรงเรียนนานาชาติหลายแห่งจะมีการทดสอบว่าเด็กของเราสามารถใช้ภาษาของเขาได้หรือไม่ เพราะโรงเรียนนานาชาติส่วนใหญ่ก็จะเป็นภาษาอังกฤษ ถ้าเด็กไม่มีความเข้าใจในภาษาเลยเขาอาจจะไม่สามารถรับเด็กเข้าเรียนได้ เพราะนอกจากจะทำให้เด็กเกิดความคับข้องใจ สับสน และอาจส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของเขาเมื่ออยู่ในโรงเรียนอีกด้วยค่ะ ทั้งนี้ในปัจจุบันมีโรงเรียนอนุบาลนานาชาติจากหลายประเทศ โดยหลักสูตรการเรียนการสอนของแต่ละประเทศจะแตกต่างกันออกไป ซึ่งแน่นอนว่าการเรียนการสอนของโรงเรียนนานาชาตินั้นจะเน้นภาษาตามแต่ละหลักสูตรของโรงเรียน ซึ่งจากเดิมโรงเรียนนานาชาติเคยเป็นโรงเรียนที่รองรับบุตรหลานของชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในประประเทศไทย โดยรับเด็กไทยเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ แต่ปัจจุบันโรงเรียนนานาชาติกำลังได้รับความนิยมจากผู้ปกครองหลายๆ ท่าน”
หลังจากที่เราได้ทราบถึงแนวการสอนของโรงเรียนอนุบาลประเภทต่างๆ กันไปแล้ว เชื่อได้เลยว่ายังมีผู้ปกครองหลายๆ ท่านที่ต้องการคำแนะนำเกี่ยวกับเทคนิคการเลือกโรงเรียนอนุบาลสำหรับลูกรักเพิ่มเติมด้วย วันนี้ M&B ไม่ได้มีเพียงแค่คุณครูแมวเท่านั้นที่มาให้ความกระจ่างแก่คุณพ่อและคุณแม่ แต่ยังมีคุณครูหนู ดร.วรนาท รักสกุลไทย อีกหนึ่งผู้เชี่ยวชาญการศึกษาปฐมวัยที่จะมาแนะนำถึงเทคนิคการเลือกโรงเรียนอนุบาลพร้อมทั้งการเตรียมตัวของคุณพ่อและคุณแม่สำหรับลูกรักเมื่อลูกเตรียมย่างก้าวเข้าสู่รั้วโรงเรียนอนุบาลค่ะ
เทคนิคการเลือกโรงเรียนอนุบาลสำหรับลูกรักโดยคุณครูหนู ดร.วรนาท รักสกุลไทย
“สำหรับคุณพ่อและคุณแม่ที่มีลูกอยู่ในวัยเตรียมอนุบาลจะมีอายุประมาณ 2-3 ขวบ ในการเลือกโรงเรียนอนุบาลนั้นคุณพ่อและคุณแม่ควรให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ต้องใส่ใจและใช้เวลา อีกทั้งยังต้องศึกษาหาข้อมูลให้มาก เพราะนี่คืออนาคตของลูก คือชีวิตของลูก ต้องศึกษาและมีการเตรียมพร้อมให้ดี เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญที่คุณพ่อและคุณแม่ควรคำนึงก็มีดังนี้ค่ะ”
หาข้อมูลโรงเรียน คุณพ่อและคุณแม่ควรหาข้อมูลของโรงเรียนต่างๆ ว่าเป็นอย่างไร ตรงกับความต้องการของตนหรือไม่ และสภาพแวดล้อมเหมาะกับลูกของเราหรือเปล่า โดยผู้ปกครองจะต้องตรวจสอบทัศนคติของตนเองก่อนว่าอยากให้ลูกเรียนโรงเรียนอนุบาลแนวไหน เช่นแนวเร่งเรียน แนวเตรียมความพร้อม หรือแนวสองภาษาเป็นต้น
หลักสูตร สำหรับในเรื่องนี้คุณพ่อและคุณแม่จะต้องศึกษาว่าโรงเรียนที่เราสนใจมีหลักสูตรการเรียนการสอนอย่างไร โรงเรียนอนุบาลที่ดีควรมีหลักสูตรที่เน้นการพัฒนาทั้ง 4 ด้าน ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และความรู้สึก โรงเรียนอนุบาลจะเน้นเพียงสติปัญญาอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีพัฒนาการทั้งทางด้านไอคิวและอีคิวไปพร้อมกัน ดังนั้นคุณพ่อและคุณแม่จึงควรศึกษาถึงหลักสูตรการเรียนการสอนของโรงเรียนอนุบาลที่ต้องการให้ลูกได้เข้าศึกษาเป็นอย่างดี
หาโอกาสพูดคุยและหาโอกาสเข้าไปชมโรงเรียน คุณพ่อและคุณแม่ควรหาโอกาสได้เข้าไปชมโรงเรียนและพบปะพูดคุยกับคุณครูถึงข้อสงสัยต่างๆ เช่น ทางโรงเรียนมีการฝึกให้เด็กคิดหรือแก้ปัญหาอย่างไร คุณครูมีวิธีจัดการเมื่อเด็กๆ ทำความผิดอย่างไร และการเรียนการสอนมีกิจกรรมเสริมใดบ้าง เป็นต้น ซึ่งยิ่งคุณพ่อและคุณแม่สอบถามถึงข้อสงสัยมากเท่าไรก็ยิ่งเป็นการดีเพราะจะได้ทราบถึงการเรียนการสอนและการใช้ชีวิตหากลูกของเราเมื่อต้องอยู่ในโรงเรียนดังกล่าว
การเดินทาง เรื่องการเดินทางก็เป็นสิ่งสำคัญที่คุณพ่อและคุณแม่ไม่ควรมองข้าม มีหลายครอบครัวที่ต้องการเลือกโรงเรียนที่ดีและมีชื่อเสียงให้กับลูก แต่ลืมคำนึงถึงเรื่องระยะเวลาในการเดินทางไปโรงเรียน ทำให้ต้องมาแต่งตัวหรือทานอาหารกันในรถขณะเดินทาง ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่ดีเลย เพราะเป็นพฤติกรรมรีบเร่ง ลูกต้องรีบตื่นแต่เช้าซึ่งจะส่งผลต่อการเรียน อาจทำให้ลูกรู้สึกงัวเงียเมื่ออยู่ที่โรงเรียนก็เป็นได้ ดังนั้นจึงควรเลือกโรงเรียนที่ใกล้บ้านจะเป็นการดีที่สุด
เมนูอาหาร มีโรงเรียนอนุบาลหลายแห่งที่มีการส่งเมนูอาหารให้ผู้ปกครองได้ทราบ บางแห่งเป็นรายเทอม รายเดือน หรือรายสัปดาห์ แล้วแต่ความสะดวกของทางโรงเรียน โดยคุณพ่อและคุณแม่สามารถตรวจสอบได้ว่าลูกของเราจะได้รับประทานอาหารที่ดีและมีประโยชน์หรือไม่
อัตราส่วนระหว่างครูกับนักเรียน ควรมีอัตราส่วนที่เหมาะสม ไม่แออัดยัดเยียดจนเกินไป โดยอัตราส่วนที่เหมาะสมควรจะอยู่ที่ครู 1 คน ต่อนักเรียน 25 คน หากเกินไปจากนี้อาจทำให้การดูแลไม่ทั่วถึง ถึงแม้คุณครูจะเป็นครูที่ดูแลเอาใจใส่นักเรียนเป็นอย่างดี แต่หากจำนวนนักเรียนมากเกินไปอาจทำให้ไม่เต็มที่กับเด็กทุกคนก็เป็นได้
ค่าใช้จ่าย ข้อนี้ผู้ปกครองควรสอบถามให้ดีว่าต้องเสียค่าใช้จ่ายในส่วนใดบ้าง ในกิจกรรมพิเศษต่างๆ ต้องมีการเพิ่มค่าใช้จ่ายด้วยหรือไม่ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในภายหลัง
การเตรียมตัวลูกก่อนเข้าโรงเรียนอนุบาล
ก่อนที่จะพาลูกไปเข้าโรงเรียนอนุบาล คุณพ่อและคุณแม่ควรเตรียมลูกให้พร้อมในหลายๆ ด้าน เพื่อให้ลูกของเราได้ใช้ชีวิตอยู่ในรั้วโรงเรียนอนุบาลได้อย่างมีความสุข โดยการเตรียมตัวลูกก่อนเข้าโรงเรียนอนุบาลมีดังนี้ค่ะ
สอนให้ลูกรู้จักช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวัน เช่น การจับช้อน ส้อม หรือการทานอาหารด้วยตนเอง สิ่งเหล่านี้นอกจากจะทำให้ลูกช่วยเหลือตนเองเป็นแล้วยังเป็นการส่งเสริมพัฒนาการทางด้านกล้ามเนื้อมืออีกด้วย สิ่งเหล่านี้จะทำให้เด็กๆ รู้สึกภูมิใจในตนเอง มีสมาธิ และไม่เป็นคนหงุดหงิดง่าย
สามารถสื่อสารความต้องการกับผู้ใหญ่ได้ คุณพ่อและคุณแม่ควรฝึกให้ลูกบอกความต้องการของตนเองให้ผู้ใหญ่ทราบได้ เช่น ปวดอุจาระหรือปัสสาวะก็สามารถบอกคุณครูและช่วยเหลือตนเองได้ หรือหากต้องการหยิบของในที่สูงก็บอกให้คุณครูช่วยหยิบให้ เพราะเขาจะได้รู้ว่าต้องระวังตัวเองอย่างไร
การมีน้ำใจ การสอนให้เด็กมีน้ำใจต่อผู้อื่นก็เป็นสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญ เพราะในการใช้ชีวิตที่โรงเรียนอาจต้องมีการใช้อุปกรณ์การเรียนร่วมกัน การมีน้ำใจแบ่งของให้เพื่อนจะทำให้น้องๆ ใช้ชีวิตอยู่ในรั้วโรงเรียนได้อย่างมีความสุข
พาลูกไปรู้จักสถานที่ คุณพ่อและคุณแม่ควรพาลูกไปดูโรงเรียนเพื่อสร้างความคุ้นเคย พาไปดูสนามเด็กเล่น ห้องเรียน และความสนุกของนักเรียนเมื่อได้ใช้ชีวิตอยู่กับเพื่อนๆ อีกทั้งยังคอยพูดหรือเล่าเรื่องราวต่างๆ ของโรงเรียนในแง่บวกเพื่อให้ลูกรู้สึกอยากไปโรงเรียน
ได้ทราบถึงเทคนิคและการเตรียมความพร้อมก่อนการพาลูกก้าวเข้าสู่รั้วโรงเรียนอนุบาลกันไปแล้วนะคะ หวังว่าคุณพ่อและคุณแม่จะสามารถหาโรงเรียนในฝันที่เหมาะกับการพัฒนาของลูกน้อยของเราได้เป็นอย่างดีนะคะ