Q :
ดิฉันหย่ากับสามีโดยคำสั่งศาลเมื่อปลายปีที่ผ่านมาค่ะ โดยศาลได้ระบุเอาไว้สามีจะต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูลูก 2 คน เดือนละ 15,000 บาท ซึ่งสามีเองเขาก็ยินยอมที่จะจ่ายแต่โดยดี โดยที่ไม่มีข้อโต้แย้งอะไร สองเดือนแรกเขาก็จ่ายตรงเวลาไม่มีปัญหา แต่พอเดือนที่ 3 ที่ 4 เริ่มจ่ายช้า โดยอ้างว่าไม่มีเวลาไปโอนเงิน เดือนที่ 5 นอกจากจะจ่ายช้าแล้วก็ยังจ่ายไม่ครบ อ้างว่าเงินโอทียังไม่ออก พอเดือนที่ 6 เขาเงียบหายไป ไม่โทรมาบอกอะไร ดิฉันโทรไปถามว่าทำไมถึงยังไม่มีเงินเข้าบัญชี เขาก็บอกว่าเขายังไม่มีเงินให้ ตอนนี้ให้รอ ดิฉันก็รอจนกระทั้งวันที่ 20 โทรไปอีก เขาบอกว่าเขาจ่ายให้ก็ได้ แต่จะจ่ายแค่ครึ่งเดียว ถ้าดิฉันไม่ตกลงก็จะไม่จ่ายให้เลย ถ้าเป็นเช่นนี้ดิฉันควรจะทำอย่างไรดีค่ะ เราจะไปฟ้องบังคับอะไรกับเขาได้หรือไม่ และถ้าเขาอ้างว่าไม่มีเงินจ่ายจะบังคับอย่างไร จริงๆ ดิฉันก็ไม่ได้เดือนร้อนเรื่องเงินมากนัก แต่เขาพูดจาไม่ดีและไม่รับผิดชอบดิฉันก็เลยอยากจะทำให้เขาได้รับรู้บ้างค่ะ
A :
ตามข้อเท็จริงที่ให้มาแสดงว่าเจ้าของคำถามซึ่งเป็นภริยาได้มีการดำเนินการฟ้องร้องสามีต่อศาลเรียบร้อยแล้ว และในชั้นศาลได้มีการเจรจาตกลงกันโดยฝ่ายสามีตกลงยินยอมชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรให้กับฝ่ายภริยาเป็นรายเดือนๆละ 15,000 บาท ดังนั้นเมื่อฝ่ายสามีตกลงยินยอมโดยทำเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความต่อศาลแล้ว ฝ่ายสามีจึงต้องผูกพันธ์รับผิดตามสัญญาประนีประนอมยอมควมที่ให้ไว้กับฝ่ายภริยาและศาลนั้นไปจนกว่าจะปฏิบัติครบถ้วนเป็นไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น
ดังนั้นหากฝ่ายสามีไม่ยอมชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่ทำไว้จึงถือได้ว่าสามีเป็นฝ่ายผิดสัญญา เมื่อสามีตกเป็นฝ่ายผิดสัญญาทางฝ่ายภริยาก็สามารถที่จะบังคับสามีให้ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความได้ โดยการยื่นคำร้องต่อศาลที่ได้ยื่นฟ้องไว้ให้ศาลทราบว่า ตามที่ฝ่ายสามีทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับศาลไว้ตามสัญญาฉบับลงวันที่ เดือน ปี โดยตกลงว่าอะไรก็ว่าไปซึ่งเป็นไปตามสัญญาประนีประนอมแต่เนื่องจากขณะนี้สามีไม่ได้ปฏิบัติตามสัญญาทำให้ภริยาเสียหายขอศาลออกหมายตั้งเจ้าพนักงานเพื่อบังคับคดีกับสามีซึ่งเป็นจำเลยด้วย ซึ่งคำร้องหากเราเขียนไม่เป็นก็สามารถให้เจ้าหน้าที่ศาลเป็นผู้เขียนให้ได้ (ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย) และเมื่อศาลได้รับคำร้องแล้วก็จะมีการตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีให้เราเพื่อบังคับคดียึดทรัพย์ หรืออายัดเงินเดือนของสามีต่อไปเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่ทำไว้ครับ และหากมีข้อสงสัยก็สามารถไปปรึกษาเจ้าหน้าที่ศาลได้ครับ แต่หากมีทนายความอยู่แล้วก็ลองปรึกษาทางทนายความดูก็น่าจะได้รับคำตอบเหมือนๆ กัน ขอให้โชคดีครับ