เป็นที่ทราบกันอย่างทั่วถึงแล้วว่าครับว่า วันที่ 9 กรกฏาคม 2554 คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครอง ที่มีบุตรหลานอายุตั้งแต่ 7 ขวบขึ้นไป ต้องพาบุตรหลานของท่านไปทำบัตรประชาชน เนื่องจากเราพูดกันถึงเรื่องนี้มาแล้ว Family law ฉบับนี้ผมเลยอยากพูดถึงกฎหมายฉบับนี้เสียหน่อยครับ
ราชกิจจานุเบกษาฉบับวันที่ 11 พฤษภาคม 2554 ได้ลงประกาศกฎหมายฉบับหนึ่งที่มีความสำคัญ คือ พระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2554 เป็นกฎหมายที่ได้แก้ไขเพิ่มเติมสิทธิและหน้าที่ของบุคคลสัญชาติไทย แต่เดิมคนไทยจะมีบัตรประจำตัวประชาชนเมื่ออายุครบ 15 ปี ไปจนถึงอายุครบ 70 ปี กรมการปกครองเป็นหน่วยงานที่ผลักดันกฎหมายฉบับนี้ออกมาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการปลอมแปลงสวมสิทธิ์สัญชาติไทยของคนต่างด้าว การแก้ไขกฎหมายจะสนองวัตถุประสงค์ดังกล่าวหรือไม่ ต้องติดตามตรวจสอบกันต่อไป แต่ความเข้าใจที่คนไทยทุกคนถือปฏิบัติกันว่าเมื่อเด็กเปลี่ยนจากคำนำหน้าว่า “เด็กชาย” หรือ “เด็กหญิง”เป็น “นาย” หรือ “นางสาว” ตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคม 2554 เป็นต้นไป เมื่อเด็กอายุครบ 7 ปีบริบูรณ์ มีสัญชาติไทย และมีชื่อในทะเบียนบ้าน ต้องไปทำและมีบัตรประชาชน โดยบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเด็นนั้นเป็นผู้จัดการแทนเด็ก
สรุปจากสาระสำคัญตามกฎหมายฉบับนี้
1. กฎหมายมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคม 2554 เป็นต้นไป
2. ผู้มีสัญชาติไทยอายุตั้งแต่ 7 ปีบริบูรณ์แต่ไม่เกิน 70 ปีบริบูรณ์ และมีชื่อในทะเบียนบ้านต้องมีบัตประจำตัวประชาชน เว้นแต่ได้รับการยกเว้นตามกฎหมาย
3. ผู้ขอมีบัตรประจำตัวประชาชนครั้งแรก ต้องยื่นคำขอมีบัตรภายใน 60 วัน นับแต่วันอายุครบ 7 ปีบริบูรณ์
4. บัตรให้ใช้ได้นับแต่วันออกบัตรและมีอายุ 8 ปีนับแต่วันเกิดของผู้ถือบัตร
5. การขอมีบัตรหรือขอเปลี่ยนบัตรของผู้มีอายุไม่ถึง 15 ปี เป็นหน้าที่ของบิดา มารดา ผู้ปกครองหรือบุคคลซึ่งรับดูแลผู้นั้นอยู่เป็นผู้ยื่นคำขอ แต่ไม่ตัดสิทธิบุคคลนั้นที่จะยื่นขอด้วยตนเอง
6. การฝ่าฝืน กฎหมายกำหนดโทษปรับไม่เกิน 100 บาท
7. ผู้ถือบัตรหรือใบรับหรือใบแทนใบรับซึ่งมีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป ไม่สามารถแสดงบัตรหรือใบรับหรือใบแทนใบรับ เมื่อเจ้าพนักงานขอตรวจ มีโทษปรับไม่เกิน 200 บาท
นักวิชาการเรื่องสัญชาติ ให้ข้อคิดเห็นว่า กฎหมายฉบับนี้เปรียบเสมือนเหรียญสองด้าน มีทั้งข้อดีข้อเสีย ข้อดี เป็นการเสริมสร้างความมั่นคงเชิงประชากร ทำให้ฐานข้อมูลการทะเบียนแน่นมากขึ้น สำหรับข้อเสียคือ เป็นการเปิดช่องให้มีการทุจริตในหน่วยงานราชการทุกระดับมากขึ้น เกี่ยวกับการจัดหาบัตร การสวมสิทธิ์มีบัตรของคนต่างด้าว
เมื่อกฎหมายมีผลบังคับ เป็นหน้าที่ที่ต้องปฎิบัติ ช่วยกันเป็นหูเป็นตาสอดส่องดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของนักการเมืองและข้าราชการผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกฎหมายฉบับนี้ต่อไปครับ